วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2558

เพาเวอร์แอมป์CLASS H
CLASS H มีความคล้ายคลึงกับคลาส G ยกเว้นจุด สัญญาณไม่เกิดการคลิพ ที่ไม่มีการเปลี่ยนความถี่ของสัญญาณขาเข้า วงจรที่ใช้คล้ายกับคลาส D และทำงานเหมือนกับแอมพ์คลาส AB
CLASS H : เคยมีใช้ในวงการรถยนต์ในยี่ห้อ BLADE ที่เรียกวงจรนี้ว่า BASH นั่นคือ การประยุกต์ CLASS G ขึ้นมาให้ภาคจ่ายไฟปรับแรงดันได้ตลอดเวลา ตามความแรงของสัญญาณที่เข้ามา ซึ่งภาคจ่ายไฟแบบนี้ คือ ต้นแบบของหลักการในภาคจ่ายไฟของ CLASS D แต่การจัดวงจรภาคขาออกจะเหมือนกับวงจรแบบ CLASS AB

http://archive.wunjun.com/dieselpowersound/11/1301.html
เพาเวอร์แอมป์CLASS D
CLASS D เป็นการออกแบบให้ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพในการขยาย ซึ่งแทนที่จะเสียกำลังไปในเรื่องของความร้อน เนื่องจากไม่ได้ทำงานตลอดเวลา เพราะความถี่สูงจะถูกตัดออกไปในช่วงระหว่างภาคจ่ายไฟบวก และลบ ทำให้อุปกรณ์ไม่ได้ทำงานตลอดเวลา ความร้อนจึงต่ำ ในด้านประสิทธิภาพนั้นจึงสูงกว่า CLASS AB หลายเท่า แต่ก็มีข้อจำกัดในเรื่องของการตอบสนองความถี่เสียง ซึ่งเหมาะใช้งานกับซับวูเฟอร์ แต่ไม่เหมาะที่จะนำไปขับลำโพงกลางแหลม
Class D เป็นพาวเวอร์แอมป์กำลังขับสูง เน้นหนักในเรื่องพละกำลังเพียงอย่างเดียว แอมป์ชนิดนี้ถูกออกแบบมาสำหรับขับซับโดยเฉพาะ  เหมาะกับพวกที่ชอบฟังเพลงหนักๆ เน้นพลังเบส กระแทกแรงๆ ซึ่งคงไม่ใช่แนวผมครับ





http://archive.wunjun.com/dieselpowersound/11/1301.html
เพาเวอร์แอมป์ CLASS AB
CLASS AB การทำงานคล้ายกับคลาส A คือ ทำหน้าที่ขยายสัญญาณระดับต่ำให้แรงขึ้น ก่อนที่จะส่งไปยังภาคขยายคลาส B เป็นการนำเอาข้อดีของวงจรแต่ละชนิดมาประยุกต์การทำงาน เมื่อเทียบกับการสูญเสียในเรื่องประสิทธิภาพ(ความร้อน)ที่มีอยู ่บ้าง แต่กำลังขับยังสูงกว่า CLASS Aหลายเท่า เป็นที่นิยมมากในวงการมีเป็นสิบๆยี่ห้อ
CLASS AB : คือการรวมเอาระหว่างจุดหรือข้อดีและข้อด้อย ของทั้ง CLASS A และ CLASS B เข้าด้วยกัน นั่นคือ ในช่วงเวลาที่มีสัญญาณขาเข้าเบา ๆ วงจรภาคขาออกจะทำงาน ในแบบ CLASS A แต่เมื่อสัญญาณขาเข้าแรงขึ้น วงจรภาคขาออกจะทำงานในแบบ CLASS B จึงทำให้เครื่องขยายเสียงในลักษณะนี้ มีความเพี้ยนต่ำ และมีประสิทธิภาพสูงจึงเป็นที่นิยมมากที่สุดในวงการเครื่องเสียงทั้งหมด



http://archive.wunjun.com/dieselpowersound/11/1301.html
เพาเวอร์แอป์CLASS A
CLASS A วงจรขยายชนิด CLASS A นั้นออกแบบให้ทรานซิสเตอร์ทุกตัวทำหน้าที่นำกระแสไฟฟ้า นิยมใช้ในวงจรขยายความเพี้ยนต่ำที่ต้องการคุณภาพเสียงจริงๆ แอมพ์ที่มีกำลังขับ 100 วัตต์ อาจต้องการกระแสไฟภายในเกือบ 100 วัตต์ แม้ว่าไม่มีสัญญาณเข้ามาก็ตาม จึงทำให้แอมพ์คลาสนี้มีความร้อนสูง จึงต้องออกแบบให้มีการระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพ
CLASS A : ทรานซิสเตอร์ ในภาคขยายขาออกจะทำงานเต็มที่อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะมีสัญญาณขาเข้า มากหรือน้อยเพียงใดในภาคขาออก ทรานซิสเตอร์จะทำงานอย่างเต็มที่อยู่ตลอดเวลา จึงทำให้เครื่องมีความร้อนสูง ถึง สูงมาก




http://archive.wunjun.com/dieselpowersound/11/1301.html


วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2558

การแบ่งคลาสของเพาเวอร์แอมป์
คลาสของแอมป์นั้นเป็นอีกหนึ่งคำถามที่ผมมักจะเจอบ่อยๆ  ว่ามันมีกี่คลาส แต่ละคลาสไว้ทำอะไร  ฉะนั้นผมจึงเอามาทำบทความให้อ่านกันซะเลย  ในเรื่องการแบ่งคลาสของแอมป์นั้น จะแบ่งจากการ ไบอัสกระแสไฟให้กับทรานซิสเตอร์  ที่ทำหน้าที่ในวงจรขยายเสียง  โดยที่ผมจะยกตัวอย่างเพียง 4ประเภทดังนี้
  1. Class A พาวเวอร์แอมป์ชนิดนี้เน้นในเรื่องของคุณภาพเสียง ค่าความเพี้ยนตํ่า และเสียงรบกวนน้อย แต่มีข้อเสียในเรื่องของความร้อนที่ค่อนข้างจะสูงเพราะมีการป้อนกระแสไฟให้ทรานซิสเตอร์อยู่ตลอดเวลา ถึงแม้จะไม่มีสัญญาณอินพุทเข้ามาก็ตาม  และกำลังขับที่ได้นั้นก็ค่อนข้างจะน้อย  แอมป์ประเภทนี้จึงเหมาะกับนักฟังที่เน้นรายละเอียดของเสียงกลาง-แหลม ไม่เน้นอัดตูมตาม
2. Class B เป็นการใช้ทรานซิสเตอร์ 2ตัว ทำงานแบบ Push-Pull หรือ ผลัก ดัน ช่วยกันทำงานคนละครึ่งทาง และจะไม่มีการป้อนกระแสไฟล่วงหน้า  ซึ่งมีข้อดีคือเครื่องไม่ร้อน แต่ข้อเสียกลับมากกว่าเพราะความผิดเพี้ยนสูงมาก  เสียงจึงไม่มีคุณภาพ  แต่ในปัจจุบันแอมป์ คลาสนี้คงจะไม่มีแล้ว
3. Class AB เป็นการรวมตัวกันของแอมป์ทั้ง 2คลาสที่กล่าวมา คือใช้ทรานซิสเตอร์ 2ตัว แต่จะมีการป้อนกระแสไฟปริมาณตํ่าๆเอาไว้ล่วงหน้าอยู่ตลอดแต่จะไม่มากเท่าคลาส A  และการจัดวงจรก็ใช้แบบ Push-Pull เหมือนคลาส B จึงทำให้พาวเวอร์แอมป์ประเภทนี้มีคุณภาพเสียงที่ค่อนข้างดี  ถึงแม้จะไม่เท่าคลาส A แต่ได้เปรียบในเรื่องของกำลังขับที่มากกว่า  และเกิดความร้อนน้อยกว่า  และคลาส AB นี้แหละเป็นแอมป์ที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบัน และสามารถนำไปขับได้ทั้งลำโพงกลาง-แหลม หรือแม้แต่ซับวูเฟอร์ก็ได้
4. Class D เป็นพาวเวอร์แอมป์กำลังขับสูง เน้นหนักในเรื่องพละกำลังเพียงอย่างเดียว แอมป์ชนิดนี้ถูกออกแบบมาสำหรับขับซับโดยเฉพาะ  เหมาะกับพวกที่ชอบฟังเพลงหนักๆ เน้นพลังเบส กระแทกแรงๆ ซึ่งคงไม่ใช่แนวผมครับ
ข้อคิด**
แอมป์  หลาย ชาแนล เช่น  5  ชาแนล  4 ชาแนล  บางท่านอาจชอบเพราะ มันใช้แอมป์แค่ตัวเดียว  ไม่เปลืองพื้นที่ นำมาขับได้ ทั้ง
ลำโพง ซับ และลำโพงเสียงกลาง+แหลมอื่นๆ  อีกอย่างมันประหยัดกว่าซื้อแอมป์หลายตัว (ถ้าใครจะเอาแค่ฟังในรถไม่ไปโชว์คนอื่นเขานะ)
เพราะแอมป์ขับซับดีดี ต้อง คลาสD ราคาเรือนหมื่น แพงขึ้นตามกำลังวัต   แต่ ถ้านิยม แอมป์แบบ หลายชาแนล ก็ต้องยอมรับได้เมื่อแอมป์เสียคุณก็จะต้องอยู่ในความมืดมิด....แต่ถ้าเรามีแอมป์แยก ซับ แยก กลางแหลม  พอตัวใดตัวหนึ่งพัง ..อีกตัวก็ยังฟังได้.....มานก็เป็นดังนี้แล แนะนำให้แยกแอมป์ดีกว่าครับ....








http://archive.wunjun.com/dieselpowersound/11/1301.html